หัวข้อ
- #SK Hynix
- #Samsung Electronics
- #กลยุทธ์การลงทุน
- #ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
- #แนวโน้มราคาหุ้น
สร้าง: 2024-10-30
อัปเดต: 2024-10-30
สร้าง: 2024-10-30 21:24
อัปเดต: 2024-10-30 22:37
เริ่มเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของปริมาณการซื้อขายและราคาหุ้นของ Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) ซึ่งเป็นหุ้นชั้นนำที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ ตั้งแต่วันจันทร์และอังคารของสัปดาห์นี้
เนื่องจากในวันจันทร์และอังคารติดต่อกันนั้น แม้ว่าจะไม่มากนักแต่ก็มีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลกลับเข้ามาซื้ออีกครั้ง และสถาบันการเงินในประเทศก็ได้ทำการซื้อจำนวนมากตามกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติ
แน่นอนว่าการซื้อสุทธิของต่างชาตินั้นมีปริมาณไม่มากเมื่อเทียบกับการขายสุทธิที่ยาวนาน แต่เมื่อพิจารณาแล้วพบว่านับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมเป็นต้นมา เป็นครั้งแรกที่ต่างชาติซื้อสุทธิติดต่อกันสองวัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความหมาย
และเนื่องจากวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคมของสัปดาห์นี้เป็นวันที่ Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) จะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 การเปลี่ยนแปลงของกระแสเงินลงทุนก่อนหน้านั้นยิ่งทำให้รู้สึกว่ามีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าการลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาหุ้น Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) นับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมนั้น ตอนนี้มุมของการลดลงน่าจะค่อยๆ ช้าลง เมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่รายอื่นๆ (เช่น SK Hynix (เอสเคไฮนิกซ์)) ที่ยังคงอยู่ได้ดีกว่า และผมคิดว่าแนวรับที่แข็งแกร่งน่าจะปรากฏขึ้นเมื่อราคาตกลงต่ำกว่า 53,000 วอน
ดังนั้นเนื่องจากราคาหุ้น Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) ได้เคยแตะระดับ 50,000 วอนไปแล้ว และแนวรับที่คาดการณ์ไว้นั้นอยู่ไม่ไกลนักในแง่ของระยะทาง ดังนั้นผมจึงคิดว่าการลดลงที่เหลืออยู่จะค่อยๆ ช้าลง
ถ้าหากว่ามีใครกำลังมองหาโอกาสในการซื้อหุ้น Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) ใหม่หรือเพิ่ม ก็คงคิดว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงที่น่าพิจารณาแล้ว แต่แทนที่จะซื้อครั้งเดียวหมดเลย ผมคิดว่าน่าจะทยอยซื้อในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าดีกว่า
ถ้าหากว่าตลาดหุ้นในประเทศโดยรวมนั้นร่วงลงไปอีก ราคาหุ้น Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) จะไปแตะระดับ 53,000 วอนหรือจะร่วงลงไปถึง 49,000 วอนนั้นจะส่งผลต่อความคิดเห็นของผม แต่หลังจากนั้นอีกหลายเดือนหรือหนึ่งปี ราคาหุ้น Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) คงจะเคลื่อนไหวในลักษณะนี้
ผมคาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะไปแตะระดับต่ำสุดที่ประมาณต้นๆ ของช่วงราคา 50,000 วอน แล้วก็จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นไปถึงระดับประมาณ 80,000 วอน
แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ‘ถ้าหากว่าราคาขึ้นไปถึงระดับนั้น ผมคิดว่าน่าจะขายหุ้น Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) ออกไปเกือบหมดในระยะยาว’ ในมุมมองระยะยาว ถ้าหากว่าราคาหุ้นกลับไปถึงระดับ 80,000 วอนอีกครั้ง ผมคิดว่าควรจะขายออกไปบ้าง ไม่ควรจะถือหุ้นต่อไปเรื่อยๆ เพื่อหวังว่าจะได้เห็นราคาหุ้นขึ้นไปถึงระดับ 100,000 วอน เพราะว่าอาจจะได้เห็นราคาหุ้นตกลงไปถึงระดับ 20,000 วอนหรือ 10,000 วอนก่อนก็ได้ นั่นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม…
แม้ว่าในระยะสั้น SK Hynix (เอสเคไฮนิกซ์) จะอ่อนแอมากกว่า Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) แต่ในมุมมองระยะกลาง SK Hynix (เอสเคไฮนิกซ์) ยังคงแข็งแกร่งกว่า Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์)
แม้ว่าดัชนี KOSPI (โคสปิ) จะลดลงเนื่องจากตลาดหุ้นร่วงลง แต่ถ้าหากว่าราคาหุ้น SK Hynix (เอสเคไฮนิกซ์) สามารถรักษาระดับ 140,000 วอนได้ ก็ต้องถือว่ายังคงแข็งแกร่งกว่า Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์)
เมื่อมองภาพรวมของราคาหุ้น SK Hynix (เอสเคไฮนิกซ์) ในกราฟรายเดือน จะเห็นว่าตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมามีการเปลี่ยนแปลง สามารถทะลุผ่านช่องสีฟ้าขึ้นไป และปรับมุมการขึ้นเล็กน้อยเพื่อไปยังช่องสีแดง
จากกราฟรายวันข้างต้น แม้ว่าในอนาคตจะมีการลดลงเพิ่มเติม แต่ถ้าหากสามารถรักษาระดับราคา 140,000 วอนได้ ก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่สามารถรักษาความแข็งแกร่งได้ต่อไปในอนาคต
จากความคิดเห็นเกี่ยวกับราคาหุ้น Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) ข้างต้น คงจะพอเดาได้ว่าเนื่องจาก Samsung Electronics (ซัมซุงอิเล็คโทรนิกส์) มีสัดส่วนใน KOSPI (โคสปิ) สูงมาก จึงมีความเกี่ยวข้องกับแนวโน้มของดัชนี KOSPI (โคสปิ)
ดังที่เห็นในกราฟรายเดือนของดัชนี KOSPI (โคสปิ) ข้างล่าง ตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปัจจุบันและในอนาคต ผมคาดการณ์ว่าดัชนี KOSPI (โคสปิ) จะเคลื่อนไหวอยู่ภายในช่องทางขึ้นลงสองช่องนี้เป็นเวลานาน เหตุผลหนึ่งที่ผมคาดว่าดัชนี KOSPI (โคสปิ) จะลดลงต่ำกว่า 2,000 จุดในไม่ช้าก็เพราะแนวโน้มนี้
ผมคิดว่าแนวโน้มนี้มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ด้วย ในขณะที่ดัชนี KOSPI (โคสปิ) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัด ผมมองว่าช่วงเวลานี้เป็น ‘ช่วงเตรียมความพร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่’ (แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่ความคิดเห็นที่เกี่ยวกับประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น แต่เป็นมุมมองที่รวมถึงการพิจารณาว่าเกาหลีใต้นั้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทั่วโลกด้วย)
ผมเรียกช่วงเวลาที่เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัดนี้และช่วงเวลาก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ว่า ‘ช่วงเวลาระหว่าง’ และได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ผู้คนสับสนก็คือ แนวโน้มที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกนับตั้งแต่กลางปี 2021 นั้น บางประเทศ(สหรัฐอเมริกาและยุโรป) เคลื่อนไหวในลักษณะ ‘กรอบแนวโน้มขาขึ้นหรือกรอบแนวโน้มทางด้านข้าง’ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และแนวโน้มทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอกว่า เช่น เกาหลีใต้ เคลื่อนไหวในลักษณะ ‘กรอบแนวโน้มขาลง’ ตามที่แสดงในภาพด้านล่าง
และในมุมมองของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าก่อนที่กรอบแนวโน้มที่ยาวนานนี้ (=ช่วงเวลาระหว่าง) จะสิ้นสุดลงและเข้าสู่เกมจริง ผู้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีการใช้ประโยชน์จากเงินกู้สูงควรพิจารณาถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและรีบขายทรัพย์สินออกไป เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้นแตกต่างจากตลาดหุ้น ตราบใดที่ยังไม่ขายออกไป เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็ไม่สามารถขายออกไปได้อีกแล้ว
ความคิดเห็น0